บทที่ 2
มุมมองของเฟธ
พอประตูลิฟต์ปิดลง ฉันก็รู้สึกมีความสุขกว่าที่เคยเป็นมานาน พ่อทำให้ฉันรู้สึกห่วยแตกทุกวัน เขาไม่ยอมให้ฉันไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยไกลๆ ฉันเลยต้องอยู่บ้านเพื่อทนรับการทารุณกรรมของเขา แล้วฉันก็ได้เจอกับไบรอัน และเพียงบ่ายวันเดียวโลกของฉันก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีใครปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าได้ดีเท่าที่เขาทำกับฉัน เขาให้เบอร์ส่วนตัว แล้วก็เบอร์ห้องพักของเขา แถมยังบอกว่าจะไปบอกล็อบบี้ว่าฉันเป็นภรรยาถ้าฉันต้องการหนีจากพ่อ ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาร้อนแรงชิบหายเลย ซาตานปั้นเขามากับมือชัดๆ เขามีดวงตาสีเขียวที่สวยที่สุด และเมื่อเขามองเข้ามาในตาฉัน ฉันสามารถจ้องมองเข้าไปในนั้นได้ตลอดไป ชุดสูทสีเขียวที่เขาสวมคืนนี้ยิ่งขับให้ดวงตาคู่นั้นโดดเด่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าเขามองทะลุเข้ามาถึงจิตวิญญาณของฉันได้ ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนจริงใจจากแววตาของเขา สิ่งที่ฉันเห็นในนั้นมีแต่ความรักและความเข้าใจ ฉันพิงกำแพงข้างประตูห้องพักพลางนึกถึงริมฝีปากของเขา โอ พระเจ้า ฉันอยากจะลิ้มรสริมฝีปากคู่นั้นและสัมผัสได้ว่ามันเคลื่อนผ่านริมฝีปากของฉันเหลือเกิน ให้ตายสิ ฉันอยากให้มันอยู่บนร่างกายของฉัน แต่เขาคงไม่อยากได้คนชีวิตพังๆ อย่างฉันหรอก และแล้วทันใดนั้นประตูห้องพักก็เปิดผางออก แล้วฉันก็ถูกลากเข้าไปข้างใน
"ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา อีตัวเล็ก!"
"พ่อคะ ได้โปรด หนูแค่ไปชายหาดมา!" ฉันร้องไห้
"กูเห็นไอ้ผู้ชายคนนั้นที่ล็อบบี้มองมึงก่อนเราจะออกไปกินข้าวเย็น มึงไปกับมันมาใช่ไหม อีร่าน"
"พ่อคะ หนูเปล่า" ฉันร้องไห้ "หนูไม่เจอเขาอีกเลย หนูแค่อยากไปว่ายน้ำจริงๆ นะคะ หนูสาบาน" เขาจับแขนฉันไว้แน่นแล้วกระแทกฉันอัดกับกำแพง ลมหายใจของเขามีกลิ่นวิสกี้จนทำให้ฉันคลื่นไส้ เขาเข้ามาใกล้หน้าฉันมากจนฉันสัมผัสได้ถึงริมฝีปากของเขาขณะที่เขาพูดกับฉัน เขาเลียคอฉัน และฉันก็ตัวแข็งทื่อด้วยความขยะแขยง
"มึง อีตัวเล็กของกู จะต้องเป็นของกูทั้งหมด กูจะใช้มึงจนกว่าจะไม่เหลืออะไรเลย" เขาเหวี่ยงฉันลงไปกองกับพื้น ผมของฉันปรกหน้าขณะที่ฉันนอนร้องไห้อยู่ตรงนั้น แม่กับพี่น้องของฉันกำลังหลับอยู่ ฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขานอนหลับผ่านเรื่องทั้งหมดนี้ไปได้อย่างไร แต่ส่วนหนึ่งในใจฉันก็คิดว่าพวกเขาคงถูกวางยา เขาปรี่เข้ามาหาฉัน กดฉันลงกับพื้น แล้วเริ่มฉีกกระชากเสื้อผ้าของฉันออกขณะที่ฉันพยายามดิ้นรนต่อสู้
"ได้โปรด อย่า!" ฉันกรีดร้อง
"กูจะลงโทษมึง และมึงจะไม่มีวันโกหกกูอีก เข้าใจไหม อีนังตัวดี!" ฉันซวยแน่แล้วเพราะเขาดื่มมา และเวลาที่เขาเมา เขาจะมีแรงเยอะเป็นพิเศษ ฉันพยายามผลักเขาออกไปแต่เขาก็มีแรงมากกว่า เขาจับแขนฉันและกดฉันไว้ ฉันดิ้นจนขาหลุดเป็นอิสระแล้วใช้เข่ากระแทกเข้าไปที่หว่างขาของเขา เขาล้มทับลงมาบนตัวฉัน ปล่อยแขนฉันเป็นอิสระ ฉันจึงควานหาอะไรก็ได้ใกล้มือเพื่อจะใช้ฟาดเขา แล้วฉันก็เจอกับขวดวิสกี้และฟาดมันลงบนหัวเขาจนแตก พอผลักเขาออกไปได้ในที่สุด ฉันก็วิ่งออกจากห้องตรงไปยังลิฟต์ ฉันดูโทรศัพท์ มันเพิ่งจะเที่ยงคืนเอง ฉันจะปลุกเขาตอนนี้ไม่ได้ มันไม่สมควร ดังนั้นเมื่อออกจากลิฟต์ ฉันจึงทรุดตัวลงนั่งพิงประตูห้องของเขา กอดกระเป๋าถือไว้แน่นแล้วร้องไห้ขณะที่รอ
มุมมองของไบรอัน
ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังกระหึ่มในหัว ผมนั่งลงบนขอบเตียง พยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ผมกลับมาที่ห้องและเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มหรูหราในมินิบาร์ พลางนึกถึงเรื่องของเฟธ ซึ่งหมายความว่าผมยังไม่ได้เขียนสุนทรพจน์เลย และเช้านี้ผมคงต้องด้นสดเอา ตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่ง และผมต้องชงกาแฟเพื่อจะได้มีแรงสู้ไปทั้งวัน ทันทีที่ผมกำลังจะนั่งลงเพื่อจิบกาแฟแก้วแรก ผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ ผมลุกขึ้นและไม่ได้ทันคิด ผมไปเปิดประตูทั้งที่ใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมต้องประหลาดใจเมื่อเห็นเฟธยืนอยู่อีกฟากของประตู "เข้ามาสิ"
เธอเดินช้าๆ ไปที่เตียงแล้วนั่งลง ผมวางถ้วยกาแฟแล้วนั่งลงข้างๆ เธอ ผมบอกได้เลยว่ามีบางอย่างผิดปกติ "คุณโอเคไหม"
ดวงตาของเธอเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแล้วเธอก็ส่ายหน้า ผมดึงเธอเข้ามากอดใกล้ๆ แล้วเธอก็ถลกแขนเสื้อขึ้น แขนของเธอเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เรื่องนี้ทำให้ผมโกรธจัด "คุณอยู่ห้องไหน" ผมถามเสียงเข้ม
"ได้โปรดอย่าไปที่นั่นเลยค่ะ มันจะยิ่งทำให้เรื่องแย่ลงสำหรับฉัน ได้โปรดให้ฉันอยู่ที่นี่สักพักนะคะ"
ผมรู้ว่าเธอพูดถูก เพราะถ้ามีครั้งไหนที่ผมไม่อยู่ด้วย เขาอาจจะฆ่าเธอได้ "โอเค แต่...วันนี้คุณอยากไปงานแต่งงานของน้องชายผมในฐานะคู่ควงของผมไหม พอดีเขาเว้นที่ไว้ให้เผื่อว่าผมจะหาใครไปด้วยได้"
เธอยิ้มทั้งน้ำตา "ฟังดูน่าสนุกดีนะคะ แต่ฉันไม่มีชุดจะใส่เลย"
ผมจูบแก้มเธอ "พอร้านเปิด เราคงต้องรีบไปช็อปปิ้งกันหน่อย แต่ระหว่างนี้ บอกผมมาหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
“พอฉันกลับไปถึงห้องพักที่โรงแรม ฉันรออยู่หน้าประตูสักพัก พอเขารู้ตัวว่าฉันอยู่ตรงนั้น เขาก็กระชากฉันเข้าไปข้างใน เขาหาว่าฉันทำตัวเป็นอีตัว เพราะไม่รู้ไปรู้มาจากไหนว่าฉันออกไปกับคุณ จากนั้นเขาก็ทำให้ฉันมีรอยฟกช้ำพวกนี้แล้วจับฉันกระแทกเข้ากับกำแพง เขาเหวี่ยงฉันไปที่มุมห้องแล้วก็พยายามจะ...” เสียงเธอขาดหายไป
ผมไม่อยากบังคับให้เธอต้องเอ่ยคำพูดน่าขยะแขยงที่ผมรู้ว่าเธอกำลังจะพูดออกมา ผมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของเธอ เพราะผมไม่อยากให้เธอต้องหวนนึกถึงช่วงเวลาเลวร้ายในคืนนั้นอีกครั้ง เธอเริ่มร้องไห้และผมก็ลูบผมให้เธอ
“ฉัน...ฉันต้องเอาขวดวิสกี้ฟาดหัวเขาให้สลบไปถึงจะหนีออกมาได้” เธอสะอื้น
ผมประคองให้เธอนอนลงข้างๆ และกอดเธอไว้ครู่หนึ่ง มีเพียงเราสองคนกับความเงียบ เพื่อให้เธอได้มีช่วงเวลาที่สงบสุขก่อนจะถึงเวลาเตรียมตัวสำหรับวันใหม่ ผมแต่งตัวอย่างรวดเร็วแล้วเราก็ออกจากห้องไป ผมพาเธอไปที่ร้านบูติกข้างโรงแรมและปล่อยให้เธอเลือกทุกอย่างที่เธอต้องการ มันไม่สำคัญสำหรับผมเลยเพราะไม่ว่าเธอจะเลือกอะไร เธอก็จะดูสวยในชุดนั้นอยู่ดี ตอนที่เธอเดินออกมาจากห้องลองเสื้อ ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองอ้าปากค้าง
เธอเลือกกางเกงสแล็คสีดำกับเสื้อสีม่วงลูกพลัมแขนยาวผ้าโปร่งบางพอที่จะซ่อนรอยฟกช้ำ แต่ก็ไม่หนาพอที่จะทำให้ร้อน เสื้อของเธอปิดด้านหน้าและเว้าต่ำที่ด้านหลัง ผมยาวสลวยเป็นลอนของเธอทิ้งตัวลงมาพอดีกับช่วงเอว เธอยังเลือกรองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีเดียวกับเสื้อของเธอด้วย
“คุณชอบไหมคะ” เธอถามพลางหน้าแดง
ผมดึงเธอเข้ามาใกล้เพื่อให้เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของผม “คุณใส่แล้วสวยมากเลยนะ ไม่เห็นต้องหน้าแดงเลย คนดี”
เธอผละออกแล้วก้มหน้ามองพื้นพลางหน้าแดงอีกครั้ง “คุณก็พูดไปอย่างนั้น”
ผมจูงมือเธอแล้วดึงเข้ามาหาอีกครั้ง ผมต้องทำให้เธอเชื่อมั่นให้ได้ว่าเธอสวยและควรจะมั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้ มันเจ็บปวดใจที่พ่อของเธอทำลายความมั่นใจของเธอจนตกต่ำถึงขนาดที่เธอมองไม่เห็นความงามภายนอกของตัวเอง ผมได้แต่จินตนาการว่าข้างในใจเธอจะรู้สึกอย่างไร ผมประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธอและรู้สึกได้ว่าเธอเกร็งไปทั้งตัว ผมดึงเธอเข้ามาชิดยิ่งขึ้นจนในที่สุดเธอก็ปล่อยวางและยกแขนขึ้นโอบรอบตัวผม ผมกอดเธอไว้อย่างนั้นครู่หนึ่งภายในห้องลองเสื้อ ผู้คนรอบข้างมองมาที่เรา แต่ผมไม่สนใจ ตราบใดที่เฟธรู้สึกปลอดภัย นั่นคือทั้งหมดที่ผมต้องการ โทรศัพท์ของผมดังขึ้นขัดจังหวะช่วงเวลาของเรา ผมจรดหน้าผากกับหน้าผากของเธอ “ขอเวลาแป๊บนะ”
ผมค่อยๆ ผละออกมาเพื่อรับสายโดยรู้ว่าใครอยู่ปลายสาย
“ฮัลโหล” “แกอยู่ที่ไหนวะ” เจสันถามอย่างเป็นห่วง
ผมหันหลังให้เฟธแล้วยกมือขึ้นเสยผม “ฉันอยู่ที่ร้านบูติกกับผู้หญิงคนหนึ่ง” ผมกระซิบ
“แกไปทำบ้าอะไรที่นั่น”
“ฉันจะพาเธอไปงานแต่งด้วย”
“แกหาคู่เดตได้แล้ว” เสียงเขาฟังดูทั้งตกใจและตื่นเต้น
“ฉันหาชุดให้เธอได้แล้ว กำลังจะไป”
ผมวางสายแล้วหันกลับไปเห็นเธอกำลังก้มมองเท้าตัวเองอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มเขินอายบนใบหน้า ผมเดินเข้าไปหาเธอแล้วเชยคางเธอขึ้น ต่อจากนี้ไปเธอไม่ได้รับอนุญาตให้อายเวลาอยู่กับผมอีกแล้ว “เมื่อกี้เราถึงไหนกันแล้วนะ” ผมพูดพลางจูบที่ริมฝีปากเธอเบาๆ ผมจูงมือเธอเดินไปยังลานจอดรถเพื่อไปที่รถของผม พอเราไปถึง ผมก็ได้ยินเสียงเธอสูดหายใจเข้า เธอเดินเข้าไปที่รถแล้วลูบมือไปตามฝากระโปรง
“นี่มันมัสแตง จีที ปี 1970 นี่นา”
ผมยิ้มกว้าง “แน่อยู่แล้ว” ผมพูดอย่างภูมิใจพลางเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่ง พอเข้ามาในรถ ผมก็เหยียบคันเร่งอวดสมรรถนะของยอดดวงใจให้เธอดู ยังไงเราก็ไปงานแต่งสายอยู่แล้ว เราขับซิกแซกไปตามการจราจร เต้นรำผ่านรถคันอื่นๆ อย่างสง่างาม
“คุณรู้วิธีควบคุมมันและทำให้มันครางได้ดีจริงๆ นะคะ” เธอบอกพลางยิ้มให้ผม
ผมยิ้มตอบ “เจ้ายอดดวงใจไม่ใช่สิ่งเดียวหรอกนะที่ผมรู้วิธีทำให้ครางได้”
แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน และผมเห็นต้นขาของเธอเกร็งเข้าหากันราวกับจะสะกดกลั้นความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ ทั้งหมดที่ผมรู้ก็คือสัปดาห์นี้ผมจะทำให้เธอได้เจอกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต และมันอาจจะเป็นจุดจบของผมเมื่อเราต้องจากกัน แต่เฟธสมควรที่จะได้รับความรักและความหลงใหล
เธอดึงที่บังแดดลงมาเพื่อใช้กระจกแต่งหน้า ผมเหลือบมองเธอขณะที่เธอค่อยๆ บรรจงแต่งแต้มเครื่องสำอางลงบนใบหน้าอย่างประณีต ตอนที่เธอเติมลิปสติกสีม่วงลูกพลัมให้เข้ากับชุด หัวใจของผมก็เต้นผิดจังหวะไปหนึ่งที และในวินาทีนั้นเองผมก็รู้ว่าผมต้องการจะรู้ให้ได้ว่าการได้จุมพิตเธอทุกวันไปชั่วนิรันดร์นั้นเป็นอย่างไร เธอปิดกระเป๋าแล้วมองมาทางผมและถามอย่างใสซื่อว่า “ฉันดูโอเคไหมคะ”
“คุณดูสมบูรณ์แบบที่สุด” ผมพูดพลางเหยียบคันเร่งเพราะรู้ว่าควรจะรีบไปงานแต่งให้ได้แล้ว ถ้าไม่รีบไปกว่านี้ ผมคงอยากจะแวะจอดข้างทางแล้วร่วมรักกับเธอบนรถตรงนั้นเดี๋ยวนั้นเลย ในที่สุดเมื่อเรามาถึงโรงแรมที่ผมต้องเตรียมตัว ผมก็เจอนาตาลี น้องสาวของเรา และแนะนำให้พวกเธอรู้จักกันเพื่อที่ผมจะได้ไปหาเจสัน
















































































































































